ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์

คลอโรฟิลล์

 คือส่วนที่เป็นสีเขียวในพืช มีหน้าที่สังเคราะห์แสง โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มารวมกับคาร์บอนไดออกไซค์ที่พืชดูดจากอากาศผ่านทางใบ รวมกับน้ำที่พืชดูดมาทางราก กลายเป็นอาหารทำให้พืชเจริญเติบโตได้ และคายก๊าซออกซิเจนออกมา จากการสกัด และวิเคราะห์ "คลอโรฟิลล์" จากพืชกว่า 6000 ชนิด พบว่าคลอโรฟิลล์ที่ได้จากต้นอัลฟัลฟ่า จะบริสุทธิ์และดีที่สุด เพราะระบบราก สามารถชอนไชในดินได้ลึกกว่า 130 ฟุตดังนั้นจึงสามารถดูดซึมอาหารได้มากกว่า บริสุทธิ์กว่า ไม่สะสมสารพิษไว้ในตัวมันเอง ในการสกัดคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์นั้น เราจะนำเอาต้นอัลฟัลฟ่าที่ไม่แก่เกินไปหรืออ่อนเกินไปมาคั้นเอาน้ำสีเขียวพร้อมทั้งเกลือแร่ต่างๆ เช่นกรดอะมิโน 8 ชนิด ได้แก่ กรดอะมิโนไอโซลิวซีน , ลิวซีน , ไลซีน , เมไธโอนีน , ฟินิลอะลานีน , เทรโอนีน , ทริปโตฟาน , และวานลีน ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่มีความจำเป็นต่อร่างกาย พร้อมทั้งเกลือแร่อื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส , แคลเซียม , โปแตสเซียม , สังกะสี , เซเลเนียม และแมกเนเซียมและวิตามินต่างๆ เช่น วิตามิน เอ,บี,ดี,อี และ เค และเอ็นไซม์ต่างๆ ที่ช่วยต้านสารพิษได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น เราจะนำน้ำอัลฟัลฟ่า สีเขียวนี้มาดูดความชื้นออก และทำให้แห้งภายใน 3 วินาที ด้วยวิธีการฟรีซดราย ภายใต้อุณหภูมิเย็นพิเศษจะได้คลอโรฟิลล์ผงที่ละลายน้ำได้ 100% ผงที่สกัดแห้งนี้สามารถเก็บไว้ได้นาน นับสิบปี  

อัลฟัลฟา (Alfalfa) กับประโยชน์ต่อร่างกาย

ประโยชน์หลักของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือใช้เพื่อสุขภาพสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนสตรีวัย ใกล้หมดประจำเดือน ควรรับประทาน อัลฟัลฟา (Alfalfa) เป็นประจำ

อัลฟัลฟา ถูกจัดเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติ (phytooestrogen) สตรีในวัยใกล้หมดประจำเดือน เอสโตรเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและภาวะกระดูก เสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนในอัลฟัลฟา จะเข้าไปชดเชยเอสโตรเจนที่ต่ำลงนี้ รวมทั้ง ไวตามินดี แร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในอัลฟัลฟาซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม นอกจากนี้ ไวตามินและแร่ธาตุในอัลฟัลฟา จะช่วยให้ร่างกายปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม ลดอาการผิดปกติในช่วงนี้ เช่น ร้อนวูบวาบตามตัว หงุดหงิดง่ายลงด้วย

คุณสมบัติของสารอาหารในอัลฟัลฟ่า มีดังนี้

1. แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
2.
ขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น
3.
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
4.
ช่วยลดแผลอักเสบ ยั้บยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
5.
ช่วยอาการชา บวม และเส้นเลือดขอดบรรเทาลง
6.
ขับกรดจากข้อต่าง ๆ ทำให้อาการปวดข้อทุเลาลง
7.
ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
8.
ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
9.
ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น
10.
เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
11.
มีสารอาหารที่บำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกกลับดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
12.
ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นดีขึ้น
13.
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
14.
ช่วยปรับสภาพของผู้หญิงวัยทอง

สารที่ประกอบอยู่ในอัลฟาฟ่า

อัลฟัลฟา อัลฟัลฟา (Alfalfa)(Lucenc) จัดเป็นพืชจำพวกตระกูลถั่วที่มีฝัก เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นพืชชนิดแรก ๆ ที่ใช้เพื่อการเพาะปลูก เติบโตได้ในแถบทุกอากาศทั่วโลก อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื้นที่รากของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) สามารถชอนไชลงไปได้ลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารได้มากกว่าและบริสุทธิ์กว่า อีกทั้งตัวของ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เองก็จะไม่สะสมสารพิษ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จาก อัลฟัลฟา (Alfalfa)” มากว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เพื่อเพิ่มความเร็วและแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่ม ด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมายชาวอาหรับจึงขนานนาม อัลฟัลฟา (Alfalfa) ให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ ราชาแห่งอาหารทั้งมวลหรือบิดาของอาหารทุกชนิด (Father of All Foods)
อัลฟัลฟา (Alfalfa) ได้ถูกใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่โบราณ โดยแพทย์ชาวจีนได้ใช้ใบ อัลฟัลฟา (Alfalfa) อ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติ เช่นเดียวกันกับแพทย์ชาวอินเดียที่ใช้ใบ และดอกสำหรับการรักษากระบวนการย่อยทำงานที่ทำงานได้น้อย นอกจากนี้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังใช้เพื่อการบำบัดโรคข้อต่ออักเสบ ชาวอินเดียในอเมริกาเหนือได้แนะนำให้ใช้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ในการรักษาโรคดีซ่าน และช่วยสนับสนุนการจับตัวของเลือด แพทย์ที่ใช้สมุนไพรเพื่อการบำบัดในอเมริกาได้แนะนำให้ใช้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เป็นยาสำหรับอาการย่อยไม่เป็นปกติ ภาวะโลหิตจาง เบื่ออาหารและอาการดูดซึมอาหารไม่ดี นอกจากนี้ยังแนะนำว่า อัลฟัลฟา (Alfalfa) มีส่วนกระตุ้นให้การหลั่งน้ำนมในแม่ดีขึ้นอีกด้วย
ดร.แฟรงค์ โบเออร์ นักชีววิทยา ผู้เขียนตำราเกี่ยวกับโภชนาการที่มีชื่อของสหรัฐถึงกับให้ฉายาของ หญ้าอัลฟัลฟานี้ว่า ยารักษาโรคที่มหัศจรรย์

สารที่ประกอบอยู่ใน อัลฟัลฟา (Alfalfa)

อัลฟัลฟาประกอบด้วย ไวตามินที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิดใน อัลฟัลฟา” 100 กรัม มีไวตามินเอ 8,000 ยูนิต และยังมีไวตามินเค ตามธรรมชาติ เป็นปริมษนสูงอีกด้วย ซึ่งช่วยในการแข็งตัวของเลือด อัลฟัลฟามีไวตามีเค สูงถึง 20,000 – 40,000 ยูนิต ในอัลฟัลฟา 100 กรัม
ด้วยระบบรากที่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารมากกว่าพืชชนิดใด ๆ เป็นผลให้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) เป็นพืชที่มีส่วนประกอบของสารต่าง  ๆ มากมาย มี กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างการถึง 8 ชนิด เช่น Isoleucine, Leucine, Lysine, Methionine เป็นต้น ซึ่งเป็น กรดอะมิโน ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อประโยชน์ในการสร้างเซลล์ใหม่ อีกทั้ง อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีวิตามินอีกมากมาย รวมถึงวิตามิน A, B1, B6, B8, B12, C, D, E, K, P และ U รวมทั้งยังประกอบไปด้วยเกลือแร่อีกหลากชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม แคลเซียม สังกะสี เซเลเนียม และแมกนีเซียม เป็นต้น และยังมีเอนไซม์หลักอีกถึง 8 ชนิด คือ ไลเปส อาเมเลล โคกุเลส อีมูลซิน อินเวอร์เคส เปอร์อ๊อกซีเตส เพคติเนส โปรตีส นอกจากนี้ อัลฟัลฟา (Alfalfa) ยังมีส่วนประกอบของสารอื่น ๆ อีกเช่น Betacarotene, Bioflavinoids, Carotene,Chlorine Chlorophyll, Flavone, Isoflavone, Sterol และ Saponin เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่ให้คุณต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น









คลอโรฟิลล์ สุขภาพ chollophill อัลฟัลฟา ALfalfa น้ำคลอโรฟิลล์